Posts

Showing posts from 2020

ภาพพฤติกรรมสุดแสบจากสัตว์เลี้ยงแสนรัก ที่เซอร์ไพรส์เจ้าของเมื่อกลับมาถึงบ้าน

Image
ภาพพฤติกรรมสุดแสบจากสัตว์เลี้ยงแสนรัก ที่เซอร์ไพรส์เจ้าของเมื่อกลับมาถึงบ้าน เมื่อกลับมาถึงบ้านก็อยากจะผ่อนคลาย และนั่งเล่นกับสัตว์เลี้ยงที่เราเลี้ยงเอาไว้ แต่ถ้ามันไม่เป็นอย่างนั้นล่ะ เพราะสัตว์เลี้ยงบางตัวนี้มันก็ซนได้เรื่องจริง ๆ บางครั้งอาจจะเล่นซน แอบไปคุ้ยข้าวของออกมาเละเทะหรือทำข้าวของเสียหาย จนทำให้เราปวดหัวไปตาม ๆ กัน ซึ่งเชื่อว่าถ้าใครได้เจอกับตัวก็อาจจะรู้สึกโมโห แต่ยังไง ๆ เราก็โกรธพวกมันไม่ลงจริง ๆ และนี้เป็นผลงานสุดแสบจากสัตว์เลี้ยงแสนรักที่พวกมันเซอร์ไพรส์เจ้าของเมื่อกลับมาถึงบ้าน 1. ผมก็แค่หิวนะแม่ 2. น้องเหมียวจอมแสบทำลายผ้าม่านกั้นห้องน้ำ ขนาดเจ้าของจับได้ยังไม่ยอมหยุดอยู่ดี หลังจากนี้น้องน่าจะโดนตีแน่ ๆ 3. ผมก็แค่ต้องการอาหารเท่านั้นเองแม่ 4. ตอนเล่นอ่ะสนุก แต่ตอนนี้กลัวโดนแม่ตีมากกว่า 5. จะมารู้สึกผิดตอนนี้ ไม่ทันแล้วนะเจ้าตูบ 6. ผมไม่ได้ทำนะ 7. ทำสีหน้าสำนึกผิดแบบนี้ จะตีน้องดีไหมเนี่ย 8. ผมยังไม่ได้ออกจากกรงเลยนะ ข้างนอกนั่นไม่รู้ว่าใครทำ 9. ผมสำนึกผิดแล้วคร๊าบบบบ 10. พวกเราไม่ได้กินนะ เชื่อพวกเราสิ 11. ทำไงได้อะแม่ ก็อาหารมันน้อยนิหน

ทาสแมวฟังทางนี้!!ก่อนทำหมัน“แมว”ต้องทำอย่างไร??

Image
ประชากรแมวปัจจุบันมีค่อนข้างสูง หากต้องการควบคุมการเกิดของประชากรแมว แน่นอนว่าวิธีที่ดีที่สุด คือ การผ่าตัดทำหมัน (Neutering)  แต่การนำน้องแมวไปทำหมันยังมีข้อควรรู้บางอย่างที่ผู้เลี้ยง หรือ “ทาสแมว” จะต้องคำนึงถึงก่อนที่จะเจ้าเหมียวไปทำหมัน คือ 1.  อายุเท่าไรถึงจะทำหมันได้  เคยมีความเชื่อว่าต้องรอให้สัตว์เป็นหนุ่มเป็นสาวเต็มที่เสียก่อนจึงทำหมันได้ คืออายุมากกว่า 1 ปีขึ้นไป หรือมีการแสดงอาการเป็นสัดไปแล้วอย่างน้อย 1 ครั้ง แต่ในปัจจุบันได้มีการศึกษารายงานแล้วว่าสามารถทำหมันในแมวได้ตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป ซึ่งจะเป็นข้อดีในกรณีที่ต้องการควบคุมจำนวนสัตว์เลี้ยง เพราะถ้ารอจนสัตว์แสดงอาการเป็นสัดไปแล้ว สัตว์อาจบังเอิญได้รับการผสมและตั้งท้องคลอดลูกออกมาเป็นภาระให้เจ้าของได้ โดยเฉพาะแมวเพศเมียบางตัวอาจแสดงอาการการเป็นสัดที่ไม่ชัดเจนซึ่งจะสังเกตได้ยาก 2.  การทำหมันที่ถูกต้องและเหมาะสม  คือ การตัดรังไข่และมดลูกออกทั้งสองข้างในสัตว์เพศเมีย และตัดอัณฑะรวมถึงท่อนำอสุจิออกทั้งสองข้างในสัตว์เพศผู้ ซึ่งวิธีและขั้นตอนการผ่าตัดแต่ละเพศนั้นมีความแตกต่างกัน อย่างไรก็ตามไม่แนะนำให้ใช้การฉีดยาเพื่อคุมก

เลี้ยงน้องแมว เป็นปัญหาทำให้ภูมิแพ้กำเริบจริงหรือ?

Image
เป็นความเชื่อกันโดยมากอยู่แล้วว่า “ขนของน้องแมว” นั้น สามารถทำให้คนเป็นโรคภูมิแพ้ได้ หรือทำให้อาการหอบหืด อาการภูมิแพ้กำเริบได้ จึงทำให้เกิดข้อสงสัยมากมายว่า แล้วแบบนี้คนที่รักน้องแมว หรือเลี้ยงน้องแมว ควรจะทำอย่างไรดีล่ะ? วันนี้เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ เราจะพาไปไขคำตอบว่าความเชื่อเหล่านั้น แท้จริงแล้วถูกหรือผิดกันแน่? หอบหืด-ภูมิแพ้กำเริบ ไม่ได้เกิดเพราะน้องแมวเสมอไป สิ่งแรกที่เราควรทำความเข้าใจคือ คนเป็นภูมิแพ้ เป็นหอบหืด ไม่ได้เป็นเพราะน้องแมวทุกคน เพราะปัจจัยที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ หรือ อาการไอจาม อาการหอบหืดเรื้อรังนั้น มีได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเชื้อรา ไรฝุ่น หรือสิ่งสกปรกอื่นๆ ก็สามารถเป็นไปได้ โดยไม่จำเพาะเจาะจงเลยว่าจะต้องเป็นเพราะขนของน้องแมวเท่านั้น จึงทำให้เราไม่สามารถยืนยันได้อย่างแน่นอนว่า “การเลี้ยงน้องแมวจะทำให้เป็นภูมิแพ้ หรือทำให้อาการภูมิแพ้ หอบหืดกำเริบ” แต่ทั้งนี้ก็เป็นความจริงที่ว่า “ขนของน้องแมว” คือหนึ่งในตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้ แต่จะกระตุ้นเราหรือไม่นั้น จำเป็นต้องได้รับการพิสูจน์ให้แน่ชัดก่อน ซึ่งถ้าหากใช่ ก็ค่อย

รู้ได้อย่างไร.....ว่าน้องแมวป่วย

Image
รู้ได้อย่างไร.....ว่าน้องแมวป่วย?? เพราะน้องแมวอาจไม่สามารถพูดกับเราได้ว่าเขารู้สึกไม่สบายตัว ปวดท้อง เวียนหัว หรือมีไข้เหมือนที่เราสามารถพูดกับคุณหมอได้ เมื่อน้องแมวเริ่มมีอาการป่วย แต่ว่าเราไม่รู้ หรือไม่สังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที มารู้อีกทีน้องแมวก็อาจป่วยหนักจนเกินกว่าที่เราจะรักษาได้ทัน หรือแทนที่จะใช้เวลารักษาไม่นาน กลับต้องวิ่งเข้าวิ่งออกโรงพยาบาลสัตว์พบคุณหมอแบบรัวๆ แทนก็ได้ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าน้องแมวป่วยอยู่ล่ะ? บอกเลยว่าไม่ยากเกินไปแน่นอน มาสังเกตอาการแมวป่วยก่อนจะสายกันเถอะ • พฤติกรรมเปลี่ยนไป : อาการง่ายๆ ที่สังเกตเห็นได้ คือ แมวซึม แม้จะมีของเล่นชิ้นโปรดมาล่อก็ไม่สนใจ หรือพฤติกรรมอาจเปลี่ยนไปจากปกติที่เป็นน้องเหมียวสายเที่ยว แต่อยู่ๆ ก็ซ่อนตัวอยู่ตามซอกหลืบทั้งวันเสียอย่างนั้น สาเหตุของพฤติกรรมที่เปลี่ยนอาจเป็นเพราะน้องแมวมีอาการป่วย หรือถ้าสังเกตพบว่าน้องแมวเลียบริเวณใดบริเวณหนึ่งบ่อย โดยที่ไม่ใช่การเลียขนตามปกติ และเมื่อเราไปจับตรงนั้นน้องแมวก็ขู่ฟ่อเข้าให้ นั่นก็อาจเป็นเพราะว่าน้องแมวเจ็บบริเวณนั้นอยู่ก็ได้นะ เรื่องเล็กๆ เหล่านี้ หมั่นเอาใจใส่

รู้มั้ย แมวไม่สามารถขับเหงื่อเหมือนมนุษย์

Image
แมวไม่สามารถระบายเหงื่อทางผิวหนังได้เหมือนกับมนุษย์ วิธีระบายความร้อนของแมวทำได้เพียงแค่หอบหายใจเพื่อระบายอากาศ ดื่มน้ำบ่อยๆ หรือย้ายมานั่งในที่ร่ม ซึ่งจะระบายความร้อนได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในกรณีที่อากาศร้อนจัดจนร่างกายของแมวไม่สามารถระบายความร้อนได้ทัน อาจทำให้เกิด “ภาวะฮีทสโตรก” หรือเรียกอีกอย่างว่า “โรคลมร้อน”                 “ภาวะฮีทสโตรก” หรือ “โรคลมร้อน” ในสัตว์เลี้ยง คือ โรคที่เกิดจากร่างกายได้รับความร้อนมากเกินไป จนทำให้เกิดความร้อนสะสมในร่างกายสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส ซึ่งสามารถสังเกตเห็นความผิดปกติของภาวะดังกล่าวได้จากอาการเบื้องต้น ดังนี้  ตัวร้อน ใบหูร้อน เส้นเลือดที่ใบหูขยาย เดินโซเซ หายใจลำบาก หัวใจเร็วและรัว หอบ หายใจเสียงดัง หรือหายใจทางปาก  เมื่อสัตว์เลี้ยงมีอาการหอบถี่ เส้นเลือดต่างๆ ในร่างกายจะเกิดการขยายตัว และหากอาการดังกล่าวไม่ได้รับความช่วยเหลืออย่างทันที ความรุนแรงของ “ภาวะฮีทสโตรก” จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ความดันลดต่ำลงและขาดออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ จากนั้น ไตก็จะล้มเหลว เซลล์ตับเกิดความเสียหายและวายในที่สุด ซึ่งหากปล่อยให้เกิดความรุนแรงถึงขั

การดูแลและวิธีคลายร้อนน้องแมวในช่วงหน้าร้อน

Image
เมืองไทยเป็นเมืองร้อน ไม่ว่าฤดูไหนๆอากาศก็ยังร้อนและยิ่งเป็นช่วงฤดูร้อนไม่เฉพาะคนเท่านั้น ที่ต้องดูแลสุขภาพเป็นอย่างดี สัตว์เลี้ยงก็เช่นเดียวกัน แมว เป็นสัตว์เลี้ยงชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมอยู่ในลำดับต้นๆ และส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์แมวจากต่างประเทศ เนื่องจากมีรูปร่างและขนฟูสวย เมื่อนำมาเลี้ยงในเมืองร้อน จึงต้องดูแลและใส่ใจเป็นพิเศษเพื่อป้องกัน โรคฮีทสโตรก  (Heatstroke)  หรือโรคลมแดด ฮีทสโตรก ( Heatstroke)  หรือโรคลมแดด  คืออะไร ฮีทสโตรกหรือโรคลมแดด เป็นอาการที่อุณหภูมิในร่างกายของแมวสูงขึ้น เพราะได้รับความร้อนจากภายนอกมากขึ้น สาเหตุสำคัญก็คือ การปล่อยให้แมวอยู่ในบริเวณที่มีอากาศร้อนจัดเป็นเวลานานๆ อาการ ฮีทสโตรกที่เกิดขึ้นกับแมว อาการฮีสโตรกในแมว จะมีสัญญาณบ่งบอกอาการตามภาวะความอันตรายได้ 2 ระดับ ได้แก่ ระดับที่ 1  แมวจะมีอาการหายใจเร็ว และรัว หอบ หายใจทางปาก หายใจเสียงดังหรือมีลักษณะหายใจลำบาก ตัวร้อน หากวัดอุณหภูมิร่างกายไม่ควรเกิน 40.5 องศา ระดับที่ 2  แมวจะมีอาการน้ำลายไหลยืด จมูกและปากเปียกแฉะ ลักษณะอาการกระสับกระส่ายไม่สบายตัว บางครั้งอาจมีอาการซึมผิดปกติ การที่บ่งบอ

พฤติกรรมเจ้าเหมียวกำลังบอกรัก "คุณ"

Image
ประเด็นหลัก • พฤติกรรมสุดแปลกของเจ้าเหมียวที่เรามักพบเห็นอยู่บ่อยครั้ง บางทีมนุษย์อย่างเราก็ไม่เข้าใจว่า ท่าทางที่เจ้าเหมียวต้องการจะสื่อนั่นคืออะไร? ซึ่งจริงๆ แล้วพฤติกรรมเหล่านี้คือ  “การแสดงความรัก” ของเจ้าเหมียวนั่นเอง เหล่าทาสแมวคงจะเคยเจอการทำท่าทาง หรือพฤติกรรมสุดแปลกต่างๆ นานา ของเจ้าเหมียวกันมาบ้างไม่มากก็น้อยใช่ไหมคะ? ไม่ว่าจะเป็นท่ากายกรรมยืดเหยียดตัว บิดตัวหมุนบ้าง แถมอยู่ๆ ก็หันมาตะปบขาเราเล่นซะอย่างนั้น อาการเหล่านี้เราเชื่อว่าคนเลี้ยงแมวมักพบเจอกันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่คุณรู้ไหมคะว่า พฤติกรรมเหล่านี้คือการแสดงความรักของเจ้าเหมียวนั่นเอง อยากรู้ไหมคะว่าเจ้าเหมียวมีการแสดงออกความรักแบบไหนบ้าง เรามาดูกันเลยจ้า 1.เอาหัวมาโหม่งใส่ซะงั้น!! บางทีขณะที่เรากำลังนั่งทำอะไรอยู่เพลินๆ อยู่ๆ เจ้าเหมียวก็เอาหัวมาโหม่งถูไถใส่เราซะงั้น ที่บริเวณใบหน้าของแมวจะมีต่อมกลิ่น และจะปล่อยฟีโรโมนออกมาเพื่อแสดงความเป็นมิตร มักแสดงความรักและแสดงความคุ้นเคยระหว่างแมวด้วยกัน หากบ้านไหนเลี้ยงแมวหลายตัวก็คงจะเคยเห็นเป็นประจำ ที่แมวจะชอบเอาหัวมาถูกันใช่ไหมคะ? นั่นแหละคือการแสดงความรักในแบบของเจ้าเห

17 เรื่องลับ ๆ ของแมวที่คุณอาจยังไม่เคยรู้

Image
แม้แมวจะเป็นสัตว์ตัวเล็ก ๆ แต่ทว่าเป็นสัตว์ที่น่าค้นหาและมีสิ่งที่เราไม่รู้ซ่อนอยู่เบื้องหลังอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทางกายภาพพฤติกรรม หรืออารมณ์ของแมว และเป็นเพราะแมวไม่อาจสื่อสารด้วยภาษาเดียวกันกับคนได้ ดังนั้น  Reader's Digest  จึงนำเรื่องลับ ๆ ของแมว ที่คุณอาจยังไม่เคยรู้มาเปิดเผยให้ทราบกัน มีอะไรบ้าง ทาสแมวลองไปอ่านเลยจ้า 1. แมวมีเซนส์อันยอดเยี่ยมเกี่ยวกับเรื่องแผ่นดินไหว          เนื่องจากใต้อุ้งเท้าของแมวค่อนข้างเซนซิทีฟ ดังนั้นแมวทุกตังจึงสามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่า จะมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นหรือไม่อย่างไร ส่วนคุณเองก็สามารถรับรู้ได้เช่นกัน โดยสังเกตได้จากพฤติกรรมแปลก ๆ หรือแตกต่างออกไปจากเดิมนั่นเอง และด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้มีคนบางกลุ่มใช้อุ้งเท้าแมวในการหาค้นหาเหตุแผ่นดินไหวจากแรงสะเทือนด้วย 2. กลืนและย่อยอาหารได้โดยไม่ต้องเคี้ยว          อีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ กระเพาะของแมวสามารถย่อยและดูดกลืนอาหารได้โดยไม่ต้องเคี้ยว ซึ่งถือเป็นข่าวดีมากทีเดียวสำหรับเจ้า ลิล บับ (Lil Bub) หนึ่งในแมวเซเลบชื่อดังจากโลกออนไลน์ เพราะมันเป็นแมวที่ไม่มีฟันตั้งแต่กำเนิด จะได้ไม่มีอะ