รู้มั้ย แมวไม่สามารถขับเหงื่อเหมือนมนุษย์
แมวไม่สามารถระบายเหงื่อทางผิวหนังได้เหมือนกับมนุษย์ วิธีระบายความร้อนของแมวทำได้เพียงแค่หอบหายใจเพื่อระบายอากาศ ดื่มน้ำบ่อยๆ หรือย้ายมานั่งในที่ร่ม ซึ่งจะระบายความร้อนได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในกรณีที่อากาศร้อนจัดจนร่างกายของแมวไม่สามารถระบายความร้อนได้ทัน อาจทำให้เกิด “ภาวะฮีทสโตรก” หรือเรียกอีกอย่างว่า “โรคลมร้อน”
“ภาวะฮีทสโตรก” หรือ “โรคลมร้อน” ในสัตว์เลี้ยง คือ โรคที่เกิดจากร่างกายได้รับความร้อนมากเกินไป จนทำให้เกิดความร้อนสะสมในร่างกายสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส ซึ่งสามารถสังเกตเห็นความผิดปกติของภาวะดังกล่าวได้จากอาการเบื้องต้น ดังนี้ ตัวร้อน ใบหูร้อน เส้นเลือดที่ใบหูขยาย เดินโซเซ หายใจลำบาก หัวใจเร็วและรัว หอบ หายใจเสียงดัง หรือหายใจทางปาก
“ภาวะฮีทสโตรก” หรือ “โรคลมร้อน” ในสัตว์เลี้ยง คือ โรคที่เกิดจากร่างกายได้รับความร้อนมากเกินไป จนทำให้เกิดความร้อนสะสมในร่างกายสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส ซึ่งสามารถสังเกตเห็นความผิดปกติของภาวะดังกล่าวได้จากอาการเบื้องต้น ดังนี้ ตัวร้อน ใบหูร้อน เส้นเลือดที่ใบหูขยาย เดินโซเซ หายใจลำบาก หัวใจเร็วและรัว หอบ หายใจเสียงดัง หรือหายใจทางปาก
เมื่อสัตว์เลี้ยงมีอาการหอบถี่ เส้นเลือดต่างๆ ในร่างกายจะเกิดการขยายตัว และหากอาการดังกล่าวไม่ได้รับความช่วยเหลืออย่างทันที ความรุนแรงของ “ภาวะฮีทสโตรก” จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ความดันลดต่ำลงและขาดออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ จากนั้น ไตก็จะล้มเหลว เซลล์ตับเกิดความเสียหายและวายในที่สุด ซึ่งหากปล่อยให้เกิดความรุนแรงถึงขั้นนี้แล้ว น้องแมวจะมีโอกาสรอดชีวิตน้อยมาก
วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
1.ย้ายสัตว์เลี้ยงไปอยู่ในสถานที่ที่เย็นกว่าเดิม เปิดพัดลมส่ายเบาๆ เพื่อระบายอากาศและความร้อน แต่มีข้อควรระวัง คือ ไม่ควรเปิดแอร์หรือนำตัวไปอยู่ในสถานที่ที่เย็นเร็วเกินไป เพราะอาจทำให้น้องแมวช็อคได้
2.นำผ้าขนหนูผืนเล็กๆ นุ่มๆ ชุบน้ำ (น้ำที่ใช้ชุบผ้าขนหนูควรเป็นน้ำที่อยู่ในอุณหภูมิปกติหรือเย็นกว่าเพียงเล็กน้อย) บิดแห้งหมาดๆ เช็ดตัวน้องแมว ค่อยๆ เช็ดบริเวณใบหูและขาหนีบ เพื่อให้น้ำช่วยระบายความร้อน
3.เทน้ำใส่ขวดสเปรย์ แล้วฉีดละอองน้ำในบริเวณที่น้องแมวอาศัยอยู่ เพื่อลดความร้อน
4.ป้อนน้ำเย็น หรือนมแพะเย็นๆ ค่อยๆ ให้ดื่มทีละน้อย เพื่อช่วยลดอุณหภูมิภายในร่างกายของน้องแมว มีข้อควรระวัง คือ อย่าป้อนน้ำหรือนมแพะที่เย็นจัด เพราะอาจทำให้น้องแมวช็อคได้
5.หากอาการไม่ดีขึ้น ยังมีอาการซึม หรืออุณหภูมิในร่างกายยังสูงอยู่ ควรรีบนำตัวส่งสัตวแพทย์โดยด่วน
วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
1.ย้ายสัตว์เลี้ยงไปอยู่ในสถานที่ที่เย็นกว่าเดิม เปิดพัดลมส่ายเบาๆ เพื่อระบายอากาศและความร้อน แต่มีข้อควรระวัง คือ ไม่ควรเปิดแอร์หรือนำตัวไปอยู่ในสถานที่ที่เย็นเร็วเกินไป เพราะอาจทำให้น้องแมวช็อคได้
2.นำผ้าขนหนูผืนเล็กๆ นุ่มๆ ชุบน้ำ (น้ำที่ใช้ชุบผ้าขนหนูควรเป็นน้ำที่อยู่ในอุณหภูมิปกติหรือเย็นกว่าเพียงเล็กน้อย) บิดแห้งหมาดๆ เช็ดตัวน้องแมว ค่อยๆ เช็ดบริเวณใบหูและขาหนีบ เพื่อให้น้ำช่วยระบายความร้อน
3.เทน้ำใส่ขวดสเปรย์ แล้วฉีดละอองน้ำในบริเวณที่น้องแมวอาศัยอยู่ เพื่อลดความร้อน
4.ป้อนน้ำเย็น หรือนมแพะเย็นๆ ค่อยๆ ให้ดื่มทีละน้อย เพื่อช่วยลดอุณหภูมิภายในร่างกายของน้องแมว มีข้อควรระวัง คือ อย่าป้อนน้ำหรือนมแพะที่เย็นจัด เพราะอาจทำให้น้องแมวช็อคได้
5.หากอาการไม่ดีขึ้น ยังมีอาการซึม หรืออุณหภูมิในร่างกายยังสูงอยู่ ควรรีบนำตัวส่งสัตวแพทย์โดยด่วน
แมวไม่สามารถระบายเหงื่อทางผิวหนังได้เหมือนกับมนุษย์ วิธีระบายความร้อนของแมวทำได้เพียงแค่หอบหายใจเพื่อระบายอากาศ ดื่มน้ำบ่อยๆ หรือย้ายมานั่งในที่ร่ม ซึ่งจะระบายความร้อนได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในกรณีที่อากาศร้อนจัดจนร่างกายของแมวไม่สามารถระบายความร้อนได้ทัน อาจทำให้เกิด “ภาวะฮีทสโตรก” หรือเรียกอีกอย่างว่า “โรคลมร้อน”
|
Comments
Post a Comment